ดอยตุง
นมัสการพระธาตุ ชมตำหนักสมเด็จย่า
ซื้อสินค้าชาวเขา
ดอยตุงเป็นเทือกเขาสูงที่มีภูมิอากาศเย็นสบายและทิวทัศน์งดงามเป็นเสน่ห์ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาสัมผัส
รวมทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่ง โดยเฉพาะพระธาตุดอยตุงซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของชาวไทย
พม่า และลาว และพระตำหนักดอยตุงที่ประทับของสมเด็จย่า
ประวัติ
ในอดีตดอยตุงเคยมีสภาพป่าไม้อุดมสมบูรณ์ แต่ภายหลังจากที่มีชาวไทยภูเขาอพยพเข้ามาอาศัยอยู่และประกอบอาชีพด้วยการถางป่าทำไร่เลื่อนลอย
รวมทั้งบางส่วนที่ลักลอบปลูกฝิ่น เมื่อวันเวลาผ่านไปป่าไม้บนดอยตุงจึงลดลงไปเรื่อย
ๆ จนในที่สุดได้กลายเป็นเทือกเขาหัวโล้นสุดสายตา
ในปี พ.ศ. 2530 รัฐบาลจึงได้เริ่มจัดทำโครงการพัฒนาดอยตุงขึ้น
เพื่อพัฒนาพื้นที่ 93,515 ไร่ของดอยตุงให้ฟื้นคืนสู่ความสมบูรณ์ของธรรมชาติและเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารของชาวเชียงรายเหมือนเดิม
สนองตามพระราชดำริของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี การฟื้นฟูและพัฒนาดอยตุง
เริ่มต้นด้วยการหยุดยั้งการทำไร่เลื่อนลอย ลดการปลูกฝิ่นของชาวไทยภูเขา
โดยจ้างชาวไทยภูเขามาเป็นแรงงานในการปลูกป่าเพื่อฟื้นฟูสภาพธรรมชาติบนดอยตุงเผยแพร่ความรู้ในการทำการเกษตรอย่างถูกวิธี
แนะนำให้ปลูกพืชและพันธุ์ไม้เมืองหนาว รวมทั้งสอนอาชีพเสริมให้แก่ชาวไทยภูเขาเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้สามารถพึ่งตนเองและสร้างจิตสำนึกในด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแก่ทุกคน
ทุกวันนี้ผืนป่าบนดอยตุงกำลังฟื้นคืนสู่ความเป็นธรรมชาติสมบูรณ์ขึ้นเรื่อยๆ
พร้อมไปกับคุณภาพชีวิตของชาวไทยภูเขาที่ดีขึ้น ผู้คนและผืนป่าได้ปรับตัวเข้าหาและอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขบนดอยตุงอีกครั้ง
สิ่งน่าสนใจ
พระธาตุดอยตุง
ที่ตั้งและการเดินทาง อยู่ห่างจากทางแยกเข้าพระตำหนักดอยตุงประมาณ
7 กม. ตามเส้นทางสายเก่า และห่างประมาณ 12 กม. ตามเส้นทางสายใหม่
เมื่อถึงวัดน้อยดอยตุงจะมีทางขึ้นสู่พระธาตุดอยตุง ซึ่งสามารถขับรถขึ้นไปถึงตัวพระธาตุ
แต่เส้นทางแคบและชันมาก ควรจอดรถไว้ยังที่จอดรถแล้วเดินขึ้นบันไดไปนมัสการพระธาตุจะสะดวกกว่า
จัดเป็นปฐมเจดีย์แห่งล้านนา สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอชุตราชครองนครโยนกนาคพันธ
์ เมื่อปี พ.ศ. 1454 เพื่อบรรจุพระรากขวัญเบื้องซ้าย (กระดูกไหปลาร้า)
ของพระพุทธเจ้าที่อัญเชิญมาจากอินเดีย ต่อมาในสมัยพญามังรายแห่งราชวงศ์มังราย
ได้มีพระมหาวชิรโพธิเถระนำเอาพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธ
เจ้ามาถวายอีก 50 องค์ พญามังรายจึงโปรดให้สร้างพระสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุอีกองค์
เคียงคู่กับสถูปองค์เดิม พระธาตุดอยตุงจึงมีสององค์ พ.ศ. 2470 รูบาศรีวิชัยได้บูรณะองค์พระธาตุองค์แรกขึ้นใหม่ตามศิลปะแบบล้านนา
และในปี พ.ศ. 2516 ได้มีการสร้างพระธาตุองค์ใหม่ (องค์พระธาตุปัจจุบัน)
ครอบพระธาตุองค์
เดิมไว้
พระธาตุดอยตุงเป็นที่เคารพสักการะญองพุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและประเทศเพื่อนบ้าน
เมื่อถึงเทศกาลนมัสอารพระธาตุดอยตุงจะมีพุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศใกล้เคียง
เช่น ชาวเชียงตุงในรัฐฉาน ประเทศพม่า ชาวหลวงพระบาง เวียงจันทน์
ประเทศลาว เดินทางเข้ามานมัสการทุกปี
พระตำหนักดอยตุง
ข้อพึงปฎิบัติ นักท่องเที่ยวควรแต่งกายสุภาพ ไม่สวมกางเกงขาสั้นหรือเสื้อไม่มีแขน
เป็นที่ประทับแปรพระราชฐานเพื่อทรงงานของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
โปรดเกล้าฯ ให้กรมชลประทานปลูกสร้างขึ้นสำหรับประทับพักผ่อนและทรงงานปลูกป่าร่วมกับโครงการพัฒนาดอยตุง
โดยครั้งหนึ่งเคยรับสั่งว่า "ฉันจะไม่สร้างบ้านอยู่ที่นี่ ถ้าไม่มีโครงการพัฒนาดอยตุง"
ทั้งนี้พระตำหนักดอยตุง
สร้างขึ้นด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ซึ่งสมเด็จย่าและสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ
ได้พระราชทานแนวพระราชดำริในการออกแบบสร้างตำหนัก โดยเน้นที่ความเรียบง่ายและประโยชน์ใช้สอยเป็นสำคัญ
พระตำหนักดอยตุงเริ่มดำเนินการสร้างเมื่อสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีมีพระชนมายุได้
88พรรษา โดยมีพิธีลงเสาเอก หรือที่ชาวภาคเหนือเรียกว่า "พิธีปกเสาเฮือน"เมื่อวันที่
23 ธันวาคม 2530
สิ่งน่าสนใจภายในพระตำหนัก
ได้แก่
- พระตำหนัก เป็นการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมล้านนา กับบ้านพื้นเมืองของสวิตเซอร์แลนต์และบ้านไม้ชงตัวอาคารมีสองชั้นและชั้นลอย
ที่ประทับชั้นบนแยกออกเป็นสี่ส่วน โดยทุกส่วนจะเชื่อมถึงกันหมด เป็นอาคารหลังเดียวเสมอกับลานกว้างของยอดเนินเขา
ส่วนชั้นล่างเกาะอยู่กับไหล่เนินเขาลักษณะเด่นของพระตำหนักอยู่ที่กาแลและเชิงชายแกะสลักลายเมฆไหลรอบพระตำหนัก
และที่ผนังเชิงบันไดแกะเป็นตัวพยัญ
ชนะไทยพร้อมภาพประกอบ
- เพดานดาว ภายในท้องพระโรงจะเห็นเพดานดาว ทำด้วยไม้สนแกะสลักเป็นดาวกลุ่มต่างๆ
ล้อมรอบระบบสุริยะจักรวาล และมีความพิเศษคือเป็นกลุ่มดาวที่แกะสลักดามองศาของวันที่
21 ต.ค. พ.ศ. 2443 อันเป็นวันพระราชสมภพของพระองค์
- ระเบียงไม้ดอก ต้านหลังพระตำหนักดอยตงเป็นระเบียงยาว โดยขอบระเบียงมีกระบะปลูกไม้ดอก
เช่น เจอเรเนียม บีโกเนีย บานไม่รู้โรย และโป็ยเซียน ฝั่งเฉลียงอันเป็นที่ประทับของสมเด็จย่าเป็นดอกไม้สีแดง
ทั้งนี้เพราะพระองค์โปรดสีแดงมากส่วนเฉลียงทางห้องของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ
เป็นดอกไม้สีน้ำเงินเป็นหลัก จากเฉลียงด้านหลังนี้สามารถมองเห็นสวนแม่ฟ้าหลวง
ซึ่งเต็มไปด้วยดอกไม้ต้นไม้นานาพรรณ
สวนแม่ฟ้าหลวง
อยู่ด้านหน้าพระตำหนักดอยตุง
เป็นสวนไม้ดอกไม้ประดับเมืองหนาว สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2535 บนพื้นที่ประมาณ
12 ไร่ สวนแม่ฟ้าหลวงได้รับการออกแบบให้มีดอกไม้ผลิบานสวยงามตลอด
365 วัน โดยจัดแต่งดอกไม้หลากหลายพันธุ์นับหมื่นดอกหมุนเวียนให้สวยงามไม่ซ้ำกันตลอดทั้งสามฤดู
ประกอบกับงานประติมากรรมเด็กยืนต่อตัวโดดเด่นอยู่กลางสวน ฝีมือประติมากรชื่อดังของไทยคือคุณมีเซียม
ยิบอินซอย ซึ่งได้รับพระราชทานชื่อเป็นว่า "ความต่อเนื่อง"
ตรงกับพระราชดำริของสมเด็จย่า
"ทำงานอะไรก็ตามจะสำเร็จได้ต้องมีความต่อเนื่อง"
ปัจจุบันภายในสวนแม่ฟ้าหลวงได้ขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นอีก 13 ไร่ โดยทำเป็นสวนหิน
สวนน้ำ สวนไม้มงคล สวนปาล์ม สวนไม้ใบและสวนไม้ดอกเมืองหนาว รวมเนื้อที่ทั้งหมดเป็น
25 ไร่ภายนอกสวนได้จัดทำเป็นร้านขายของที่ระลึกของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง
และยังมีพันธุ์ไม้ดอกเมืองหนาวจำหน่ายให้แก่นักท่องเที่ยวด้วย
ร้านอาหารและกาแฟสด
ร้านอาหารบนดอยตุงขึ้นชื่อมากเรื่องสลัดผักสด มีผักเมืองหนาวให้เลือกชมหลายชนิด
เช่น มะเขือเทศ โดยเฉพาะในฤดูหนาว รวมทั้งเห็ดหอมสดผัดน้ำมันหอย
เป็นอาหารที่ขึ้นชื่อไม่แพ้กันนอกจากนั้นนักท่องเที่ยวควรลองชิมกาแฟสดพันธุ์อาราบิก้าของดอยตุงที่มีชื่อเสียง
เพราะเป็นกาแฟคุณภาพดีเยี่ยม ผ่านวิธีคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ตามมาตรฐาน
การคั่วบดได้ที่ มีการทดสอบกลิ่นและรสก่อนทีจะนำมาขาย จึงมั่นใจได้ว่าได้ดื่มกาแฟที่มีรสชาติและกลิ่นดีที่สุด
สวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวง
ในอดีตบริเวณดอยช้างมูบเคยเป็นป่าอุดมสมบูรณ์มีภูมิทัศน์โดยรอบงดงามมาก
แต่ถูกทำลายจากการทำไร่เลื่อนลอยและปลูกฝิ่นเช่นเดียวกับพื้นที่ส่วนใหญ่บนดอยตุง
เมื่อครั้งที่สมเด็จพรัศรีนครินทราฯ เสด็จมาที่นี่เป็นเพียงภูเขาที่มีแต่หญ้าปกคลุม
พระองค์ได้ทอดพระเนตรเห็นความงดงามของพื้นที่นี้ จึงมีพระประสงค์ที่จะฟื้นฟูให้กลับสู่สภาพป่าที่อุดมสมบูรณ์ดังเดิม
ในปี พ.ศ.2535 มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงได้สนองพระราชดำริสร้างสวนรุกขชาติพื้นที่
250 ไร่บนดอยช้างมูบโดยรวบรวมพันธุ์ไม้พื้นเมืองและพันธ์ไม้ป่าหายากจากแหล่งต่างๆ
ไว้เป็นจำนวนมาก เช่น สวนกุหลาบพันปี กล้วยไม้ดิน พญาเสือโคร่ง และป่าสนและยังได้ทำเส้นทางเดินลัดเลาะไปตามไหล่เขาเพื่อชมต้นไม้ดอกไม้
จนไปถึงเนินสูงสุดที่มีระเบียงชมวิว มองเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกลไปจนถึงชายแดนพม่าและลาว
ท่ามกลางความร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่ และธารน้ำไหลที่มีชื่อว่า "ธารน้ำพระราชหฤทัยสมเด็จย่า"นั่นหมายถึงน้ำพระทัยของสมเด็จย่าที่หลั่งรินไม่เหือดแห้งสู่ราษฎรผู้ยากไร้เปรียบประหนึ่งน้ำจากยอดดอยที่ไหลสู่ที่ราบอย่างไร้พรมแดน
บริเวณด้านหน้าของสวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวงเป็นที่ตั้งของพระสถูปช้างมูบ
ปัจจุบันเหลือเพียงเจดีย์ขนาดเล็กตั้งอยู่บนก้อนหินใหญ่ ลักษณะเหมือนช้างหมอบอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่
ตลาดชาวไทยภูเขาป่ากล้วย
เป็นสถานที่จำหน่ายสินค้าของชาวไทยภูเขาเผ่าอีก้อและมูเชอ สินค้าที่จำหน่ายเป็นพวกเครื่องประดับ
เครื่องเงิน ย่าม เสื้อผ้าของที่ระลึก ฯลฯ
สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าดอยตุง
เป็นสวนสัตว์บนเนื้อที่กว่า 200 ไร่ จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นสถานีเพาะเลี้ยงและอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า
โดยนำสัตว์ต่าง ๆ ทั้งที่เคยมีถิ่นอาศัยอยู่บนดอยตุงและสัตว์หายากมาเพาะเลี้ยงไว้
เช่น กวาง เก้ง เนื้อทราย หมี นกยูง ไก่ฟ้าพญาลอ นกเงือก ฯลฯ สามารถเดินดูชีวิตสัตว์ป่าเหล่านี้ได้โดยไม่เสียค่าเข้าชม
หมู่บ้านชาวไทยภูเขา
ในพื้นที่โครงการพัฒนาดอยตุงมีหมู่บ้านชนกลุ่มน้อยอาศัยอยู่หลายเผ่า
ปัจจุบันชาวบ้านเหล่านี้ตั้งรกรากเป็นหลักแหล่ง แต่ละหมู่บ้านมีเอกลักษณ์และการดำรงชีวิตที่แตกต่างกันไป
บางส่วนเข้ามาทำงานและฝึกอาชีพกับโครงการพัฒนาดอยตุง ทำให้มีรายไต้และคุณภาพชีวิตดีขึ้น
แต่ยังรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีของเผ่าไว้ได้อย่างเหนียวแน่น
หมู่บ้านชาวไทใหญ่บ้านห้วยน้ำขุ่น
อยู่บริเวณ กม. ที่ 2 ที่นี่ถือได้ว่าเป็นประตูไปสู่สถานที่ท่องเที่ยวในโครงการพัฒนาดอยตุง
เป็นหมู่บ้านของชนกลุ่มน้อยที่อพยพมาจากพม่ามาอยู่ที่บ้านห้วยน้ำขุ่นเมื่อประมาณ
30-40 ปีที่ผ่านมา
หมู่บ้านชาวจีนฮ่อบ้านห้วยไร่สามัคคี
อยู่บริเวณ กม. ที่ 3.5 เป็นหมู่บ้านชาวจีนฮ่อที่อพยพเข้ามาในประเทศไทย
และส่วนหนึ่งอพยพมาอยู่ที่บ้านห้วยไร่สามัคคี
หมู่บ้านอีก้อป่ากล้วย
อยู่บริเวณ กม. ที่ 12 เป็นชาวไทยภูเขาที่อยู่ในพื้นที่นี้มานานแล้ว
ในอดีตประกอบอาชีพปลูกฝิ่นและทำไร่เลื่อนลอย ก่อนที่โครงการพัฒนาดอยตุงจะเข้ามาพัฒนาพื้นที่
ศูนย์ผลิตและจำหน่ายงานมือ
ที่นี่จัดตั้งขึ้นเพื่อให้แม่บ้านและสตรีชาวไทยภูเขาบนดอยตุงได้มีอาชีพเสริม
โดยจัดแบ่งพื้นที่ภายในศูนย์เป็นแผนกต่างๆ เพื่อจัดจำหน่ายและผลิตสินค้า
ได้แก่
- ผ้าและพรมทอกี่
- พรมทอมือ
- กระดาษสา
- โรงงานกาแฟ
|